คีลอยด์ (Keloid) คือ แผลเป็นชนิดหนึ่งที่มีลักษณะนูน หนา แข็ง และขยายใหญ่เกินขอบเขตของบาดแผลเดิม มักมีสีแดง ชมพู น้ำตาล หรือเข้มกว่าสีผิวปกติ และอาจมีอาการคันหรือเจ็บเมื่อสัมผัส
สาเหตุของการเกิดคีลอยด์
แม้ยังไม่ทราบสาเหตุที่แน่ชัด แต่เชื่อว่าเกิดจากความผิดปกติในกระบวนการสมานแผลของร่างกาย ซึ่งมีการสร้างเนื้อเยื่อและคอลลาเจนมากเกินไป โดยเฉพาะคอลลาเจนชนิดที่ผิดปกติ ส่งผลให้เกิดเป็นก้อนนูนขึ้นมา
ปัจจัยที่เกี่ยวข้อง ดังนี้
- พันธุกรรม: ผู้ที่มีคนในครอบครัวเคยเป็นคีลอยด์ จะมีความเสี่ยงมากขึ้น
- สีผิว: มักพบในผู้ที่มีผิวสีเข้ม เช่น ชาวแอฟริกัน เอเชีย หรือฮิสแปนิก
- ตำแหน่งของบาดแผล: บริเวณที่มีความตึงของผิวหนังสูง เช่น ติ่งหู หัวไหล่ หน้าอก หรือบริเวณที่มีการเคลื่อนไหวบ่อยๆ
- ชนิดของบาดแผล: อาจเกิดจากแผลผ่าตัด แผลสิว แผลไฟไหม้ รอยเจาะหู การฉีดวัคซีน หรือแม้แต่รอยขีดข่วนเล็กๆ

ลักษณะของคีลอยด์
- เป็นก้อนเนื้อนูน อาจแข็งหรือหยุ่น
- สีแดง ชมพู น้ำตาล หรือเข้มกว่าสีผิวโดยรอบ ผิวดูมันเงา
- อาจมีอาการคัน ระคายเคือง หรือเจ็บ
- ขนาดอาจขยายใหญ่ขึ้น และมักไม่ยุบหายไปเอง
แนวทางการรักษาคีลอยด์
การรักษาคีลอยด์สามารถช่วยลดขนาด บรรเทาอาการ และทำให้รอยแผลดูจางลงได้ อย่างไรก็ตาม ผิวหนังบริเวณคีลอยด์อาจไม่สามารถกลับสู่สภาพปกติได้ทั้งหมด และมีโอกาสกลับมาเป็นซ้ำอีก
วิธีรักษามี ดังนี้
- การฉีดสเตียรอยด์ (Corticosteroid Injections): เป็นวิธีที่ใช้บ่อยที่สุด ช่วยลดการอักเสบและทำให้แผลยุบ
- แผ่นแปะหรือเจลซิลิโคน (Silicone Dressings or Gels): ช่วยลดความนูนและทำให้แผลนิ่มขึ้น
- การรักษาด้วยความเย็น (Cryotherapy): ใช้ไนโตรเจนเหลวแช่แข็งบริเวณคีลอยด์
- การบีบอัด (Compression Therapy): ใช้อุปกรณ์กดทับเพื่อควบคุมการเจริญเติบโตของคีลอยด์
- เลเซอร์ (Laser Therapy): ช่วยลดความแดงและทำให้แผลเรียบขึ้น
- การผ่าตัด (Surgical Excision): มักใช้ร่วมกับวิธีอื่น เช่น การฉีดสเตียรอยด์หรือฉายรังสี เนื่องจากผ่าตัดเพียงอย่างเดียวมีโอกาสกลับมาเป็นซ้ำสูง
- การฉายรังสี (Radiation Therapy): ใช้รังสีในปริมาณต่ำเพื่อลดการเกิดซ้ำของคีลอยด์ มักใช้หลังผ่าตัด
คีลอยด์ไม่ใช่ภาวะอันตรายถึงชีวิต และไม่กลายเป็นมะเร็ง แต่สามารถสร้างความรำคาญหรือไม่สบายตัวได้ เช่น
- คัน เจ็บ หรือระคายเคือง โดยเฉพาะเวลาถูหรือโดนเสื้อผ้า
- ส่งผลต่อรูปลักษณ์ ทำให้บางคนรู้สึกไม่มั่นใจในตัวเอง โดยเฉพาะถ้าอยู่บริเวณหน้า คอ หรือแขน
- หากอยู่บริเวณที่ขยับบ่อย เช่น ข้อศอกหรือหัวไหล่ อาจรบกวนการเคลื่อนไหว
สรุป:
คีลอยด์ไม่อันตรายต่อสุขภาพโดยตรง แต่ส่งผลด้านความสวยงามและคุณภาพชีวิต หากรู้สึกรำคาญ เจ็บ หรือกังวล ควรปรึกษาแพทย์เพื่อพิจารณาทางเลือกในการรักษาที่เหมาะสม
UR Clinic : ได้รับการรับรองมาตรฐาน ArokaGO Star