ศัลยกรรมตัดเหนียง
บริกการของเรา | ศัลยกรรมตัดเหนียง
ศัลยกรรมตัดเหนียง

ศัลยกรรมตัดเหนียง หรือที่รู้จักกันในชื่อ “ผ่าตัดไขมันเหนียง” หรือ “ผ่าตัดลดเหนียง” คือ หัตถการทางการแพทย์ที่ช่วยกำจัดไขมันส่วนเกินบริเวณใต้คางและลำคอ รวมถึงการยกกระชับกล้ามเนื้อและผิวหนังที่หย่อนคล้อย เพื่อให้ใบหน้าดูเรียวกระชับ กรอบหน้าชัดขึ้น และดูอ่อนเยาว์ลง
ปรึกษาฟรี! ไม่มีค่าใช้จ่าย
คำถามที่พบบ่อย
ศัลยกรรมตัดเหนียงเหมาะสำหรับบุคคลที่มีปัญหาเหล่านี้:
- มีปัญหาคางสองชั้น หรือเหนียงใต้คางจำนวนมาก: โดยเฉพาะผู้ที่มีไขมันสะสมใต้คางมากเกินไป ทำให้คางดูไม่เรียว หรือมีลักษณะเป็นคางสองชั้นที่ชัดเจน
- กรอบหน้าไม่ชัดเจน: ผู้ที่ต้องการให้แนวกรามและกรอบหน้าดูคมชัดขึ้น ทำให้ใบหน้ามีมิติมากขึ้น
- มีผิวหนังหย่อนคล้อยบริเวณลำคอ: โดยเฉพาะผู้ที่อายุมากขึ้น หรือลดน้ำหนักลงอย่างรวดเร็ว ทำให้ผิวหนังใต้คางและลำคอหย่อนยาน
- เคยลองวิธีอื่นแล้วไม่ได้ผล: เช่น การฉีดเมโสแฟต (Meso Fat) หรือการดูดไขมันเหนียงแล้วแต่เหนียงยังไม่ลดลง หรือผิวหนังยังคงหย่อนคล้อย
- ต้องการผลลัพธ์ที่ถาวรและชัดเจน: การตัดเหนียงมักให้ผลลัพธ์ที่เห็นได้ชัดเจนและถาวรกว่าวิธีอื่น ๆ
- ผู้ที่มีใบหน้ากลม หรือหน้าอ้วน: การตัดเหนียงสามารถช่วยปรับรูปหน้าให้ดูเรียวขึ้นได้
- กำจัดไขมันถาวร: สามารถกำจัดไขมันส่วนเกินบริเวณเหนียงได้อย่างมีประสิทธิภาพและถาวร
- กรอบหน้าชัดเจน: ช่วยให้กรอบหน้าและแนวกรามดูคมชัดขึ้น ทำให้ใบหน้าดูเรียวและมีมิติ
- ลดปัญหาคางสองชั้น: แก้ไขปัญหาคางสองชั้นได้อย่างตรงจุด
- ยกกระชับผิวและกล้ามเนื้อ: ในกรณีที่มีการผ่าตัดยกกระชับร่วมด้วย จะช่วยให้ผิวหนังและกล้ามเนื้อบริเวณลำคอเต่งตึงขึ้น ดูอ่อนเยาว์ลง
- แผลมีขนาดเล็กและซ่อนเร้น: แผลผ่าตัดมักมีขนาดเล็กและซ่อนอยู่ใต้คาง ทำให้มองเห็นได้ยาก
- ฟื้นตัวไม่นาน: ระยะเวลาพักฟื้นโดยทั่วไปไม่นาน สามารถกลับไปใช้ชีวิตประจำวันได้ค่อนข้างเร็ว
- ผลลัพธ์เห็นได้ทันที: สามารถเห็นการเปลี่ยนแปลงได้ทันทีหลังทำ
- อาจมีอาการบวมช้ำ: หลังผ่าตัดอาจมีอาการบวมและช้ำบริเวณที่ทำ ซึ่งเป็นเรื่องปกติและจะค่อยๆ ดีขึ้น
- ความเสี่ยงจากการผ่าตัด: เช่น การติดเชื้อ, เลือดออกผิดปกติ, อาการชาชั่วคราว, หรือรอยแผลเป็นที่อาจเกิดขึ้นได้ (แต่พบได้น้อยหากดูแลดี)
- ค่าใช้จ่าย: มีค่าใช้จ่ายที่ค่อนข้างสูงกว่าการฉีดสลายไขมัน
- ต้องพักฟื้น: แม้จะไม่นาน แต่ก็ยังต้องมีช่วงเวลาพักฟื้นเพื่อให้แผลหายและอาการบวมลดลง
- รอยแผลเป็น: แม้จะพยายามซ่อนแผลแล้ว แต่ก็อาจมีรอยแผลเป็นเล็กน้อยปรากฏให้เห็นได้ในบางราย
การเตรียมตัว
- ปรึกษาแพทย์: พูดคุยกับศัลยแพทย์อย่างละเอียดเกี่ยวกับความต้องการ ผลลัพธ์ที่คาดหวัง ประวัติสุขภาพ โรคประจำตัว ยาที่รับประทานประจำ และข้อจำกัดต่างๆ
- งดยาและอาหารเสริมบางชนิด: แจ้งแพทย์เกี่ยวกับยาที่รับประทานทั้งหมด โดยเฉพาะยาละลายลิ่มเลือด (เช่น แอสไพริน, ไอบูโพรเฟน) วิตามินอี น้ำมันปลา หรือสมุนไพรบางชนิดที่อาจส่งผลต่อการแข็งตัวของเลือด ควรงดล่วงหน้าอย่างน้อย 1-2 สัปดาห์ตามคำแนะนำของแพทย์
- งดสูบบุหรี่และดื่มแอลกอฮอล์: ควรงดล่วงหน้าอย่างน้อย 1-2 สัปดาห์ หรือตามคำแนะนำของแพทย์ เพราะอาจส่งผลต่อการหายของแผล
- พักผ่อนให้เพียงพอ: นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอในคืนก่อนการผ่าตัด
- ดูแลสุขภาพร่างกายให้แข็งแรง: หากมีโรคประจำตัว ควรควบคุมอาการให้คงที่
- ตรวจสุขภาพและตรวจเลือด: อาจมีการตรวจเลือดและตรวจสุขภาพอื่นๆ ตามที่แพทย์เห็นสมควร เพื่อประเมินความพร้อมของร่างกาย
- เตรียมชุดที่ใส่สบาย: เตรียมเสื้อผ้าที่หลวม ใส่สบาย และสามารถสวมใส่ได้ง่ายโดยไม่ต้องสอดผ่านศีรษะ (เช่น เสื้อกระดุมหน้า)
- เตรียมชุดกระชับ/ผ้ารัดหน้า: แพทย์อาจแนะนำให้เตรียมผ้ารัดหน้าสำหรับใช้หลังการผ่าตัด เพื่อช่วยลดอาการบวมและกระชับผิว
- งดน้ำและอาหาร: ปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์เกี่ยวกับการงดน้ำและอาหารก่อนการผ่าตัด (มักจะประมาณ 6-8 ชั่วโมง)
- ประคบเย็น: ประคบเย็นบริเวณที่ผ่าตัดในช่วง 24-48 ชั่วโมงแรก เพื่อช่วยลดอาการบวมและช้ำ
- นอนยกศีรษะสูง: นอนในท่าที่ศีรษะสูงกว่าลำตัวเล็กน้อย โดยใช้หมอนรองคอหรือหมอนหลายใบ เพื่อลดอาการบวม
- ใส่ผ้ารัดหน้า/ชุดกระชับ: สวมผ้ารัดหน้าหรือชุดกระชับตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด เพื่อช่วยลดอาการบวมและกระชับผิว มักจะใส่ต่อเนื่อง 1-2 สัปดาห์แรก หรือตามที่แพทย์แนะนำ
- รับประทานยาตามแพทย์สั่ง: รับประทานยาแก้ปวด ยาปฏิชีวนะ (ยาฆ่าเชื้อ) หรือยาลดบวมตามที่แพทย์สั่งให้ครบถ้วน
- ดูแลแผลผ่าตัด: รักษาความสะอาดของแผลตามคำแนะนำของแพทย์ หลีกเลี่ยงไม่ให้แผลโดนน้ำในช่วงแรก และไปพบแพทย์ตามนัดเพื่อตรวจแผลและตัดไหม
- หลีกเลี่ยงกิจกรรมที่ต้องใช้แรง: งดการออกกำลังกายหนัก การยกของหนัก หรือกิจกรรมที่ทำให้ต้องเงยคอหรือก้มหน้ามากเกินไปในช่วง 2-4 สัปดาห์แรก
- งดอาหารแสลง: หลีกเลี่ยงอาหารรสจัด เค็มจัด ของหมักดอง อาหารทะเล หรืออาหารที่อาจกระตุ้นการอักเสบในช่วงพักฟื้น
- งดสูบบุหรี่และดื่มแอลกอฮอล์: ควรงดอย่างน้อย 1 เดือน หรือจนกว่าแพทย์จะอนุญาต
- พบแพทย์ตามนัด: ไปพบแพทย์ตามนัดเพื่อติดตามอาการ ตรวจสอบแผล และประเมินผลลัพธ์